ไม้เอ็มดีเอฟ-เอชดีเอฟ (MDF-HDF)
เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานกันโดยทั่วไป นอกจากจะทำด้วยไม้ปาร์ติเกิล (Particle Board) แล้ว ยังทำด้วยไม้เอ็มดีเอฟ (MDF) และ เอชดีเอฟ (HDF) อีกด้วย น้องสองคนนี้หน้าตายังไงเรามาดูกันเลยครับ
คุณสมบัติของไม้ MDF และ HDF
– ทำมาจากเศษขี้เลื่อยไม้เหมือนกับปาร์ติเกิล แต่ใช้ชนิดของไม้ที่หลากหลายกว่า
– เพิ่มกระบวนการบดอัดแบบละเอียด อัดด้วยความร้อนแรงดันสูง ทำให้มีความหนาแน่นที่ 500 กก./ลบ.ม. (kg./m³)
– สำหรับไม้ HDF จะมีความหนาแน่นที่ 800 กก./ลบ.ม.
– มีความหนาตั้งแต่ 3-25 มิลลิเมตร จึงสามารถใช้งานได้หลากหลาย
– สามารถพ่นหรือทาสีที่ผิวไม้ได้ หรือจะปิดทับด้วยแผ่นพีวีซี ไวนิล หรือกระดาษไม้ได้ตามความชอบ
– ในบางรุ่นจะผสมสารกันชื้นลงไปในเนื้อไม้เพื่อป้องกันความชื้น (สังเกตได้ที่สีเขียวที่พ่นลงไปในเนื้อไม้)
– ทำมาจากเศษขี้เลื่อยไม้เหมือนกับปาร์ติเกิล แต่ใช้ชนิดของไม้ที่หลากหลายกว่า
– เพิ่มกระบวนการบดอัดแบบละเอียด อัดด้วยความร้อนแรงดันสูง ทำให้มีความหนาแน่นที่ 500 กก./ลบ.ม. (kg./m³)
– สำหรับไม้ HDF จะมีความหนาแน่นที่ 800 กก./ลบ.ม.
– มีความหนาตั้งแต่ 3-25 มิลลิเมตร จึงสามารถใช้งานได้หลากหลาย
– สามารถพ่นหรือทาสีที่ผิวไม้ได้ หรือจะปิดทับด้วยแผ่นพีวีซี ไวนิล หรือกระดาษไม้ได้ตามความชอบ
– ในบางรุ่นจะผสมสารกันชื้นลงไปในเนื้อไม้เพื่อป้องกันความชื้น (สังเกตได้ที่สีเขียวที่พ่นลงไปในเนื้อไม้)
ข้อดีของไม้ MDF-HDF
– มีความแข็งแรงกว่าไม้ปาร์ติเกิลมาก
– ผิวเรียบเนียน ดูสวยงาม
– ทนน้ำได้ หากเป็นรุ่นสำหรับกันความชื้นแล้ว สามารถนำไปใช้กับเฟอร์นิเจอร์ที่เปียกน้ำได้อย่างสบายใจ
– สามารถนำไปทาสีหรือพ่นสีลงไปในเนื้อไม้ได้ตามความชอบ
ข้อควรระวังของไม้ MDF-HDF
– มีราคาแพงกว่าไม้ปาร์ติเกิล
– น้ำหนักมากกว่าไม้ปาร์ติเกิลมาก
– ระวังอย่าให้น้องโดนความชื้น หากต้องการแบบทนความชื้นแนะนำใช้น้องที่เป็นรุ่นทนความชื้นแทน
– การตัดแผ่นไม้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากก่อให้เกิดฝุ่นผงกระจายไปในละอองอากาศได้
ดังนั้น หากต้องการให้เฟอร์ฯ ชนิดนี้แนะนำเลือกวัสดุและการออกแบบให้สวยงาม น้องจะได้อยู่กับเราไปอีกนานๆ